โรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อระคายเคืองอันเกิดจากการสัมผัสสารระคายเคืองหรือพิษของสาร เช่น ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาด กรด ด่าง สารตัวทำละลาย เป็นโรคผิวหนังจากการประกอบอาชีพที่พบบ่อยที่สุด อาการแสดงอาจแสบร้อนหรือคัน ซึ่งความรุนแรงและรูปแบบของผื่นที่เกิดขึ้นกับคุณสมบัติของสารมากกว่า
กลุ่มเสี่ยง ได้แก่
พนักงานทำความสะอาด ช่างเครื่องยนต์ ช่างพิมพ์ ช่างเสริมสวย เกษตรกร คนงานก่อสร้าง หรือผู้ที่ต้องทำงานสัมผัสสารระคาย เป็นต้น
สารระคายเคืองที่พบบ่อยในการทำงาน
สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาด แอลกอฮอล์ กรด-ด่าง น้ำยาย้อมผม น้ำยาดัดผม ใยแก้ว น้ำมันหล่อลื่น เอนไซม์ในผักและเนื้อสัตว์ก่อนปรุง เป็นต้น
อาการ มี 2 แบบ ดังนี้
- อาการแบบเฉียบพลัน เกิดการสัมผัสสารก่อระคายที่มีความเข้มข้นสูงทำให้มีอาการปวดแบบแสบร้อน รู้สึกระคายเคืองหรือคัน ผิวหนังบริเวณสัมผัสจะมีลักษณะแดงบวม มีขอบเขตชัดเจน ถ้าเป็นมากจะมีตุ่มน้ำพองและอาจมีแผลเหมือนไฟลวก
- อาการแบบเรื้อรัง เกิดจากการสัมผัสสารก่อระคายเคืองประจำ ประมาณ 2- 8 สัปดาห์ จะมีอาการคัน ตึงผิวหนังบริเวณสัมผัสจะมีลักษณะบวมแดง มีขอบเขตชัดเจน ถ้าเป็นมากจะมีตุ่มน้ำพองและอาจมีแผลเหมือนไฟลวก
การวินิจฉัย
- อาการและอาการแสดงเข้าได้กับโรคผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส
- มีประวัติการทำงานสัมผัสสารระคายในระหว่างการทำงาน
- ผื่นเริ่มเกิดบริเวณที่สัมผัสสารระคาย
- ไม่พบสาเหตุอื่นนอกเหนือจากการประกอบอาชีพ
- อาการดีขึ้นในวันหยุดและมีอาการมากขึ้นเมื่อทำงาน
- มีคนทำงานอย่างเดียวกันเป็นโรคผิวหนังแบบเดียวกัน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ : การทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังให้ผลลบ
การป้องกัน
-
ควรเลือกใช้สารเคมีประเภทที่มีความปลอดภัยมากที่สุด
-
การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนัง
-
การใช้อุปกรณ์ป้องกันผิวหนัง เช่น ถุงมือ เป็นต้น
-
การทำความสะอาดผิวหนังอย่างเหมาะสม
-
การดูแลเอาใจใส่ผิวหนัง เช่น การทาโลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้นผิวหนัง เป็นต้น
การรักษา
-
การปรับพฤติกรรม เช่น หลีกเสี่ยงการสัมผัสสิ่งที่แพ้ หรือถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ให้ใส่ถุงมือป้องกัน
-
การรักษาด้วยยาทั้งชนิดทาและรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นยาประเภทแก้แพ้หรือยาปฏิชีวนะ ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์