ท้องผูกเรื้อรัง
อาการท้องผูก เจอได้ในทุกเพศทุกวัย โดยอาจมีปัจจัยที่เหมือนหรือแตกต่างกันได้ โดยอาการท้องผูก หมายถึงการที่มีการออกแรงเบ่งอุจจาระมากขึ้น อุจจาระแข็งมากขึ้น ถ่ายได้น้อยลง ไม่ถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เมื่อนานวันเข้ากว่า 3-6 เดือน ก็กลายเป็น ท้องผูกเรื้อรัง โดยบางรายมีอาการอื่นร่วมเช่น ต้องใช้นิ้วช่วยการขับถ่าย และมักจะไม่มีอาการปวดท้องที่เด่นชัด อาจมีเพียงอึดอัด แน่นท้องที่ไม่ได้ถ่าย
สาเหตุของท้องผูก
- โรคของลำไส้ที่ผิดปกติ เช่น การมีเนื้องอกลำไส้ การตีบตันของลำไส้
- โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไตวายเรื้อรัง โรคสมอง โรคเส้นประสาทกดทับ
- ฮอร์โมนที่ผิดปกติ เช่น ภาวะตั้งครรภ์ ภาวะไทรอยด์ต่ำ
- ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคพาร์กินสัน แคลเชี่ยม ธาตุเหล็ก
- กลุ่มที่ไม่มีสาเหตุดังที่กล่าวมา เช่น การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง ปัญหาที่ขั้นตอนการเบ่งถ่าย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาใดที่กล่าวมา อาจเกิดจากภาวะเครียด
การพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและการดูแลรักษา
เมื่อมาตรวจแพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย เพื่อแยกโรค และตรวจเพิ่มเติม โดยอาจใช้ ผลเลือด ผลตรวจภาพรังสี มาประกอบ หากพบโรคหรือสาเหตุ ก็รักษาตามสาเหตุที่ตรวจพบ ในรายที่ไม่พบสาเหตุ ใช้วิธีปรับพฤติกรรม การปรับเรื่องการรับประทานอาการ การปรับยาช่วยระบาย และการฝึกการชับถ่าย
การปฏิบัติตัวเมื่อเริ่มมีอาการท้องผูก
รับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้น ควรมีทุกๆมื้อ อาจเป็น ผัก ผลไม้ หรือซีเรียลต่างๆดื่มน้ำให้เพียงพอ ประมาณ 2 ลิตร ต่อวันออกกำลังกาย ให้เพียงพอ อย่างน้อย 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องครั้งละ 30-45 นาที ฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา โดยเวลาที่เหมาะสม คือ หลังอาหาร เช้า
สัญญาณเตือน ที่ต้องรีบมาพบแพทย์
จากท้องผูกกลายเป็นถ่ายเหลว ไม่คล่อง ไม่สุด หน่วงที่กัน ถ่ายมีเลือดปน หรือมีเลือดออกขณะถ่ายอุจจาระปวดท้องมากขึ้น ท้องอืดแนน น้ำหนักลดผิดปกติ หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ