เป็นที่ทราบกันดีว่า พื้นที่ฝั่งตะวันออกของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดสมุทรปราการ ถือเป็นแหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศไทยมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2525 ซึ่งต่อมาได้ขยายพื้นที่อุตสาหกรรมไปยังฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง ภาคตะวันออกจึงมีส่วนสร้างความเข้มแข็งและความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งในอดีต ปัจจุบันและในอนาคตข้างหน้า
หากมองย้อนไปในอดีตเมื่อ 25 ปีที่แล้ว พื้นที่นี้ยังขาดการบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง ประชาชนอยู่กันอย่างหนาแน่นในย่านโรงงานและย่านที่อยู่อาศัย แต่ต้องประสบกับความยากลำบากยามเจ็บไข้ได้ป่วยที่ต้องไปโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยซึ่งมีแต่ของภาครัฐแถมยังต้องรอคิวนาน จากปัญหาจุดเล็กๆ จุดนี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมและเพื่อนๆ ก่อร่างสร้างสถานพยาบาลเอกชนแห่งแรกขึ้นมาบนถนนบางนา-ตราด กม.12 เพื่อเป็นทางเลือกของประชาชนโดยใช้ชื่อว่า “สถานพยาบาลจุฬารัตน์1” มีแพทย์ประจำ 4 คน มีเตียงรับคนไข้เพียง 26 เตียง เพื่อเปิดให้บริการตรวจรักษาโรคแก่ประชาชนทั่วไป โรคที่เกิดจากการทำงาน และโรคที่เกิดจากอุบัติเหตุจากยาพาหนะ วันเวลาผ่านไป พื้นที่อุตสาหกรรมขยายตัวไปอย่างรวดเร็วเคียงคู่ไปกับการขยายถนนและสาธารณูปโภคพร้อมกับการขยายตัวของที่อยู่อาศัย สถานพยาบาลจุฬารัตน์จึงขยายสาขาเพิ่มออกไปเป็นเงาตามตัว เพื่อให้ประชาชนที่ต้องการใช้บริการเดินทางไปมาได้สะดวก จึงปรากฏให้เห็นเป็นจุฬารัตน์ 2, 3, 4...จนถึงจุฬารัตน์ 12 ในระยะเวลาเพียง 25 ปี นับจากที่เปิดจุฬารัตน์ 1 ปัจจุบันนี้โรงพยาบาลจุฬารัตน์แบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ (1) โรงพยาบาลระดับสูง มี 100 เตียงขึ้นไปซึ้งประกอบไปด้วย 3 โรงพยาบาล (2) โรงพยาบาลระดับกลาง มี 50 เตียง ลงมา (3) ระดับคลินิก บริการไม่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน รายละเอียดต่างๆ ของเส้นทางการเติบโต ท่านอ่านได้จากเนื้อหาภายในเล่ม
กว่าจะเดินมาถึงวันนี้ของกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ซึ่งกำลังก้าวย่างสู่ปีที่ 26 ในปีพ.ศ.2556 นี้ ผมต้องขอขอบคุณทีมแพทย์ ทีมพยาบาล และเจ้าหน้าที่พนักงานของโรงพยาบาลทุกฝ่ายทุกแผนกที่ร่วมมือร่วมใจกันทำงานอย่างมุ่งมั่น โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ การให้บริการตรวจรักษาดูแลสุขภาพแก่คนไข้และผู้ป่วยทุกคนอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยส่วนตัว ด้วยมาตรฐานทางวิชาชีพและเต็มใจให้บริการด้วยความเอาใจใส่ในทุกขั้นตอนของการดูแลรักษา รวมทั้งสละเวลาออกไปให้บริการสาธารณะสุขกับชุมชนในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ ทำให้กลุ่มโรงพยาลจุฬารัตน์ได้รับการรับรองคุณภาพระดับ HA ขั้นที่ 3 เมื่อเดือนธันวาคม 255
ปัจจุบันในปี 2556 นี้ จำนวนผู้ประกันตนที่ขึ้นทะเบียนกับกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ทั้งสิ้น 305,000 คน ซึ่งเกือบเต็มจำนวนโควตาที่สำนักงานประกันสังคมจะอนุมัติได้ ผมมองว่าจะต้องเปลี่ยนไปเน้นทางด้านผู้ป่วยเงินสดจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเอง โดยการเพิ่มศักยภาพการรักษาที่โรงพยาบาลอื่นทำไม่ได้ต้องเป็น Excellent center เป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อจากโรงพยาบาลอื่น อีกประการหนึ่งคือ ในอีก 2 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community) ซึ่งผมมีความมั่นใจว่า ศักยภาพของกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ทั้งทางด้านวิชาการแพทย์ ความรู้ความสามารถของบุคลากรในการทำงาน เครื่องมือแพทย์อันทันสมัย ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ร่วมกับการขยายโรงพยาบาลเพื่อรองรับผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นและที่สำคัญที่สุด คือ จิตใจที่มุ่งมั่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวจุฬารัตน์นั้น นอกจากจะสามารถแข่งขันทางธุรกิจบริการสุขภาพได้แล้ว ยังมีความสามารถในการรองรับและให้บริการแก่ชาวต่างชาติ ซึ่งจะเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยในจำนวนที่สูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับปัจจุบันได้เป็นอย่างดี จึงเป็นสาเหตุที่ผู้บริหารนำพากลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการเติบโตก้าวใหญ่อีกหนึ่งก้าว และเป็นการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงสร้างความยอมรับในระดับประเทศ