กรดไหลย้อน...โรคฮิตที่ไม่มีใครอยากเป็น
(บทความโดย พญ.วรวรรณ บุญรักษา อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร)
หากกล่าวถึงกรดไหลย้อน คงไมมีใครไม่เคยได้ยิน แต่อาจจะมีบางคนที่เคยเป็น และมักเป็นมานาน หรือเป็นๆ
หายๆ ไม่หายเสียที เป็นแล้วต้องปฏิบัติตัวอย่างไร อ่านทางนี้
กรดไหลย้อนคืออะไร มีอาการอย่างไร
กรดไหลย้อน เกิดจากการที่มีสารของเหลวไหลย้อนจากในกระเพาะอาหารขึ้นมาสู่หลอดอาหาร ทำให้มีอาการ
ต่างๆตามมา เช่น อาการ แสบร้อนอก เสียดยอดอก ( Heart Burn) อาการขย้อนหรือสำรอกสารน้ำหรือเศษ
อาหาร ( Regurgitation) บางรายมีอาการอื่นๆ เช่น เสียงแหบ จุกคอ หูอื้อ หอบหึด หรือเจ็บหน้าอกแบบที่
ไม่ใช่โรคหัวใจ บางรายก่อให้เกิดอาการนอนไม่หลับเนื่องจาก กรดไหลย้อนกำเริบ ตอนกลางคืน
สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน
- การคลายตัวชั่วคราวของหูรูดส่วนปลายหลอดอาหารที่บ่อยขึ้นกว่าคนปกติ
- อาจมีแรงดันที่หูรุดน้อยลง
- อาจเกิดจากการที่มีหูรูดหย่อน ใส้เลื่อนกระบังลม
- กระเพาะอาการย่อยช้าลง มีกรดเกินในกระเพาะ ทำให้มีสารคัดหลั่งเหลือค้างในกระเพาะ
เป็นกรดไหลย้อนนานๆ เสี่ยงไหม
การเป็นกรดไหลย้อน บางรายมีการอักเสบเกิดขึ้นจริงที่ปลายหลอดอาหาร แต่บางรายไม่มีการอักเสบใดๆ ราย
ที่ไม่มีการอักเสบ ความเสี่ยงเกิดโรคน้อยกว่า ส่วนรายที่มีอักเสบเรื้อรังอาจเกิดแผล เกิดเลือดออก เกิดรอยตีบ
แคบบริเวณที่เป็น
การปฏิบัติตัวเมื่อเริ่มมีอาการกรดไหลย้อน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาการใกล้กับเวลานอน ควรห่างจากการนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
ขึ้นไป และการนอนตะแคงซ้าย ช่วยลดกรดย้อนตอนกลางคืน
- งดอาหารทอดๆ อาหารมันๆ งดดื่มแอลกอฮอล์
- งดสูบบุหรี่
- ออกกำลังกาย คุมน้ำหนัก เนื่องจากภาวะอ้วน ทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบได้
เมื่อไรต้องมาพบแพทย์
หากเป็นกรดไหลย้อนแล้ว อาการไม่ดีขึ้นหลังปรับพฤติกรรม หรือทานยาเบื้องต้น หากมีอาการกลืนเจ็บ กลืน
ขัด กลืนลำบาก อาเจียนบ่อย อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำ น้ำหนักลดผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหา
สาเหตุ