มะเร็งตับ ในระยะแรกมักไม่มีอาการผิดปกติ แต่จะพบอาการเมื่อมีการลุกลามแล้ว ซึ่งอาการที่พบได้ คือ ปวดท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องบวม ขาบวม อ่อนเพลีย น้ำหนักลด อาเจียนเป็นเลือด อาการของโรคมะเร็งตับ มักไม่เฉพาะเจาะจงและจะมีการดำเนินโรคที่รวดเร็ว สามารถรักษาได้โดยวิธี การผ่าตัด การรักษาผ่านผิวหนังด้วยคลื่นความร้อน การให้เคมีบำบัดเฉพาะที่ การรักษาด้วยยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง
ข้อมูลทั่วไปและการวินิจฉัย
ส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง ตับแข็งจากการดื่มสุรา ภาวะไขมันเกาะตับ
เนื่องจากอาการของโรคมะเร็งตับมักไม่เฉพาะเจาะจง และมีการดำเนินโรคที่รวดเร็ว จึงทำให้แพทย์วินิจฉัยผู้ป่วยได้เมื่อมีอาการมากแล้ว ทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้เป็นโรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในประเทศไทย
การตรวจอัลตราซาวด์ สามารถดูภาวะตับแข็งและคัดกรองมะเร็งตับได้ แนะนำให้ตรวจทุก 6 เดือนในกลุ่มเสี่ยง เพื่อเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งตับ
การวินิจฉัย โดยมากใช้การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) สารบ่งชี้มะเร็งตับ (alpha-fetoprotein) และการตัดชิ้นเนื้อตรวจทางพยาธิวิทยา
การรักษา
การรักษามะเร็งตับมีหลายวิธีโดยแพทย์จะพิจารณารักษาตามระยะของโรค ได้แก่ การผ่าตัดก้อนมะเร็งออกหรือผ่าตัดเปลี่ยนตับ, การรักษาผ่านผิวหนังด้วยคลื่นความร้อน (radiofrequency ablation or microwave ablation), การให้เคมีบำบัดเฉพาะที่ผ่านหลอดเลือดแดงเข้าสู่ตับ (TACE) หรือการรักษาด้วยยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง (Targeted therapy)
การผ่าตัดก้อนมะเร็งออก (surgery)
เป็นวิธีการรักษาที่หวังผลให้หายขาดได้มากที่สุด แต่มีข้อจำกัดในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะตับเเข็งที่มีการทำงานของตับแย่ลงมาก หรือกรณีที่ก้อนมะเร็งขนาดใหญ่หรือมีหลายตำแหน่ง ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งตับที่มาพบแพทย์ส่วนมากอยู่ในระยะที่ไม่สามารถผ่าตัดได้หรือไม่เหมาะที่จะทำการผ่าตัด
การรักษาผ่านผิวหนังด้วยคลื่นความร้อน (radiofrequency ablation or microwave ablation)
เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับที่ก้อนขนาดไม่ใหญ่มาก (เล็กกว่า 5 ซม.) และจำนวนไม่มาก (1-3 ก้อน)
เป็นวิธีรักษาที่ใช้ความร้อน (thermal ablation) ไปทำลายก้อนมะเร็งผ่านทางเข็มที่เจาะผ่านผิวหนังโดยตรง วิธีการรักษานี้มีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย
การให้เคมีบำบัดเฉพาะที่ผ่านหลอดเลือดแดงเข้าสู่ตับ (TACE)
เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับที่ก้อนมีขนาดใหญ่หรือหลายก้อน มีเลือดออกจากก้อนมะเร็งตับ ผู้ป่วยมีความเสี่ยงในการผ่าตัดสูงหรือน่าจะเหลือพื้นที่ตับปกติน้อยเกินไปหลังจากผ่าตัด เป็นวิธีรักษาโดยการให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ผ่านทางหลอดเลือดแดงเข้าไปสู่ตับในบริเวณที่มีก้อนมะเร็งโดยตรง หลังจากนั้นจะทำการอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งด้วยสารอุดหลอดเลือด มีผลทำให้ก้อนมะเร็งหดเล็กและฝ่อลงในที่สุด ซึ่งการรักษาวิธีนี้อาจจะต้องทำหลายครั้ง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 6 สัปดาห์ เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลือหรือเกิดขึ้นใหม่เนื่องจากมีหลอดเลือดจากเนื้อเยื่อปกติรอบข้างเข้ามาเลี้ยงบริเวณที่มีก้อนมะเร็งเดิมอยู่
การรักษาด้วยยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง (Targeted therapy)
เหมาะกับผู้ป่วยที่ได้รับการประเมินว่าการทำงานของตับไม่ดีพอที่จะได้รับสารเคมีบำบัดและสารอุดหลอดเลือดของตับ ผู้ป่วยมีภาวะหลอดเลือดดำพอร์ทัลอุดตัน (main portal vein thrombosis) มีมะเร็งแพร่กระจายไปยังนอกตับ มีเนื้อมะเร็งมากกว่า 50% ของตับ ใช้รักษา
ติดต่อเพื่อพูดคุยกับเราเกี่ยวกับการรักษา
หากท่านมีคำถามเพิ่มเติม หรือต้องการนัดหมายเข้ารับบริการ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทางด้านล่าง
FanPage : fb.com/CHGCancerCenter
![]() |
![]() |
![]() |
ปรึกษาออนไลน์ |
นัดหมายรับบริการ |
สนใจแพคเกจ |