เส้นเลือดขอด คือ เส้นเลือดดำที่บวม โป่งพอง และบิดขด อยู่บริเวณชั้นใต้ผิวหนังชั้นตื้น (Superficial veins) พบบ่อยบริเวณขาและเท้า เนื่องจากแรงดันในเส้นเลือดที่สูงขึ้นจากการเดินหรือยืนนานๆ
สัญญาณเตือนและอาการของเส้นเลือดขอด (signs and symptoms)
- Telangiectasis หลอดเลือดดำขยายตัวคล้ายตาข่ายแมงมุม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 มม. โดยที่ไม่มีอาการปวด เห็นเส้นเลือดเป็นสีน้ำเงินหรือม่วงเข้ม
- Aching มีอาการปวดเหมือนรู้สึกขาหนักๆ โดยเฉพาะตอนเย็น อาจมีอาการปวดตุ้บๆ (Throbbing) หรือ burning pain, กล้ามเนื้อเป็นตะคริว (Muscle cramp) และบวมที่ขาทั้ง 2 ข้าง
- Dermatitis คันบริเวณเส้นเลือดขอด หรือรอบๆ
- มีแผลที่ผิวหนัง, แผลเรื้อรัง, หรือเคยหายแล้วและกลับมาเป็นใหม่
- มีเลือดออกหรือรอยช้ำหลังจากมีการบาดเจ็บต่อเส้นเลือดขอด
- Thrombophlebitis เกิดการอักเสบของเส้นเลือดขอด ทำให้มีการปวด บวมแดง ร้อนตามแนวของเส้นเลือดขอด
- เส้นเลือดแข็งหรือเปลี่ยนสี
สาเหตุของเส้นเลือดขอด (Causes)
- เกิดจากการเสื่อมประสิทธิภาพของลิ้น (Valve) เล็ก ๆ ในเส้นเลือดดำที่ขาซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมการ ไหลเวียนของเลือดดำ โดยการปิดกั้นไม่ให้เลือดมาคั่งที่ขา ดังนั้นถ้าหากลิ้นมีการเสื่อม ก็จะทำให้เกิดการคั่งที่ขา อย่างเรื้อรัง ทำให้แรงดันเส้นดำนั้นๆสูงขึ้น ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดตามมา
- ซึ่งการเสื่อมอาจจะเกิดจากการที่ลิ้นเสื่อมหรือเกิดจากการที่ลิ้นปิดไม่สนิทหรือเกิด ทั้ง 2 สาเหตุร่วมกันก็ได้
- โดยสาเหตุที่ทำให้ลิ้นเสื่อม เกิดจากการเสื่อมตามอายุ หรือตามพันธุกรรม
- ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลิ้นไม่สามารถปิดกั้นได้สนิท จะมาจากการเพิ่มความดันเรื้อรังในเส้นเลือดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การยืนเป็นเวลานาน หรือมีการอุดกั้นทางเดินของเลือดดำ เช่น การกดทับเส้นเลือดจากก้อนเนื้อหรือ ก้อนมะเร็งในอุ้งเชิงกราน หรือมีการเพิ่มความดันในช่องท้อง เช่น จากการตั้งครรภ์ โรคอ้วน หรือจากท้องผูกเรื้อรัง
ใครมีความเสี่ยงเส้นเลือดขอด (Risk factors)
- AGE ยิ่งอายุมากขึ้น ไอกาสเกิดโรคยิ่งสูงขึ้นจากการเสื่อมประสิทธิภาพของลิ้นในหลอดเลือดคำ ซึ่งพบโรคนี้มากกว่า 70% ของคนที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป
- SEX เพศหญิงมีโอกาสเกิดโรคสูงกว่าเพศชาย 3 เท่าเนื่องจากการตั้งครรภ์ที่ส่งผลถึงการเพิ่มความดันใน ช่องท้อง และจากการมีภาวะหมดประจำเดือนตามธรรมชาติ ซึ่งฮอร์โมนเพศจะมีส่วนช่วยในการคงความยืดหยุ่น ของผนังเส้นเลือด
- Genetic and Nationality เพราะพบโรคนี้ได้สูงขึ้นประมาณ 2 เท่าในคนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็น โรคนี้ และพบได้สูงในคนตะวันตกสูงกว่าคนเอเชีย ทั้งนี้อาจมีความสัมพันธ์กับอาหารที่รับประทาน (เส้นเลือดขอด พบได้ประมาณ 12% ของคนตะวันตก ส่วนอุบัติการณ์ที่พบในคนเอเชียจะต่ำกว่า)
- Weight เพราะโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกินจะเพิ่มความ ดันในช่องท้องให้สูงขึ้น
- Occupation อาชีพที่ต้องยืนหรือนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ หรือต้องยกของหนัก ๆ ทำให้เส้นเลือดมีเลือดดั่งมาก เช่น ทหาร ศัลยแพทย์ พยาบาลในห้องผ่าตัด ครู เป็นต้น
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในวัยรุ่น หญิงตั้งครรภ์ หญิงวัยทอง หรือแม้กระทั่งการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดก็อาจส่งผลทำให้เกิดเส้นเลือดขอดมากขึ้นได้
- Pregnancy
- ท้องผูกเรื้อรัง
- ขาดการออกกำลังกาย ขาดการเคลื่อนไหวของร่างกาย หรือใช้ชีวิตที่สะดวกสบายจนเกินไป
- สาเหตุอื่น ๆ เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดโดยเฉพาะบริเวณสะโพก ผู้ป่วยที่มีประวัติขาบวมหรือมีเส้นเลือดดำที่ขาอุดตันมาก่อนในอดีตก็จะมีโอกาสเป็นโรคเส้นเลือดขอดได้มากกว่าคน ทั่วไปด้วย
การตรวจวินิจฉัย (Diagnosis)
วินิจฉัยได้จากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย (โดยเฉพาะการตรวจเห็นเส้นเลือดขอดที่ขา โดยตรวจดูเส้นเลือดขอดทั้ง ท่ายืนและท่านอน)
ㆍตรวจดูว่ามีการไหลย้อนกลับของเส้นเลือดดำหรือไม่ (Venous filling time )
ㆍตรวจดูว่ามีการอุดตันของเส้นเลือดดำหรือไม่ (Maximum venous outflow)
ㆍ ตรวจภาพเส้นเลือดและการไหลเวียนเลือดด้วย อัลตราซาวนด์ (Doppler ultrasound)
ㆍ ตรวจด้วยเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic resonance venography - MRV) โดยเฉพาะในราย ที่สงสัยว่ามีความผิดปกติของเส้นเลือดดำส่วนลึก
ㆍการฉีดสีเข้าเส้นเลือดดำที่ขอดแล้วเอกซเรย์ดูลักษณะของเส้นเลือด(Venograph)
ㆍ การตรวจเลือด CBC เพื่อดูการทำงานของเกล็ดเลือด
ภาวะแทรกซ้อน (Complications)
โดยทั่วไปโรคนี้มักไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายและไม่ทำให้เสียชีวิต แต่จะส่งผลถึงความสวยงาม จึงมีผลต่อคุณภาพชีวิตโดยเฉพาะในผู้หญิง
ㆍ อาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยขารู้สึกขาล้าหรือหนักๆที่ขา ขาบวม เป็นตะคริว เหน็บชา มีขากระตุก (โดยเฉพาะเมื่อไม่มีการใช้ขาเป็นเวลานาน เช่น เวลานอน) มีอาการคันขาหรือเท้าโดยเฉพาะตรงข้อเท้า (เพราะผิวหนัง ได้รับการระคายเคืองจากการมีเลือดคั่ง)
ㆍ อาจทำให้เกิดแผลบริเวณขาและเท้าได้ง่าย ซึ่งแผลที่เกิดจะหายได้ช้า เนื่องจากการไหลเวียนของเลือด ไม่ดีและถ้าแผลมีเลือดออกเลือดก็มักจะออกมากและหยุดไหลช้าเนื่องจากการมีความดันในเส้นเลือดดำที่สูงกว่าปกติหากหกล้มหรือถูกของมีคมบาดตรงบริเวณที่มีเส้นเลือดขอดอาจทำให้เกิดแผลเลือดออกรุนแรงได้
ㆍเมื่อมีเส้นเลือดขอดเรื้อรัง สีของเท้าจะคล้ำแดงขึ้นหรือออกดำคล้ำจากการคั่งของเลือด ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีผิวหนังและของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณข้อเท้าอาจแข็ง จากการแข็งตัวของ ไขมันใต้ผิวหนัง
ㆍในรายที่เป็นรุนแรง ผิวหนังในบริเวณนั้นอาจแตกและกลายเป็นแผลเรื้อรัง เรียกว่า "แผลจากเส้นเลือดขอด" (Varicose ulcer)
ㆍ ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดอาการอักเสบของเส้นเลือดดำ (Thrombophlebitis) ซึ่งมักจะเป็นที่บริเวณผิว เรียกว่า"ภาวะเส้นเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด" (Deep vein thrombosis) ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องรีบรักษา โดยมีอาการสำคัญคือขาบวมทันทีร่วมกับปวดขา
การรักษาเส้นเลือดขอด (Treatment)
- การรักษาแบบประคับประคอง (Conservative treatment)
- การรักษาแบบเฉพาะ (Specific treatment)
การรักษาแบบประคับประคอง(Conservative treatment) จะเน้นหนักไปทางการป้องกัน และรักษาตามอาการมากกว่า จะเหมาะกับผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดขอดขนาดเล็กมาก หรือเป็นเส้นเลือดฝอยที่ขาขนาดเล็กๆ Spider veins
- ใส่ถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอด (Compression stocking)
- นอนยกปลายเท้าสูง เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและช่วยให้เลือดไหลกลับสู่หัวใจได้ดีขึ้น
- การออกกำลังกาย ที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวบริเวณน่อง
- การลดน้ำหนัก ในรายที่น้ำหนักเกินมากจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการยืนนานๆ หรือนั่งห้อยเท้านานๆ
- หลีกเลี่ยงการนั่งไขว้ห้าง
- หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
การรักษาแบบเฉพาะ (Specific treatment) การฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำที่ขอดเพื่อให้เส้นเลือดตีบตัน (Sclerotherapy) สามารถรักษาได้ทั้ง varicose vein และ spider vein
- สำหรับสารที่นิยมใช้มีหลายชนิด เช่น Aethoxysklerol , NaCl , Foam ซึ่งในรพ.จุฬารัตน์ 3 จะใช้เป็น Cyanoacrylate Glue
- ภายหลังการฉีดสาร ผู้ป่วยควรเดินต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาทีทันทีหลังการฉีดยา เพื่อช่วยให้ยากระจายตัวได้ดีขึ้น และควรสวมถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอดเพื่อช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพของยาฉีดให้ได้ผลดี โดยควรสวม ติดต่อกันอย่างน้อย 5-7 วัน (ยกเว้นในกรณีที่ อาบน้ำให้ถอดออกได้) วิธีนี้เป็นการรักษาที่ไม่หายขาด ในระยะยาว อาจมีการกลับมาเป็นซ้ำของเส้นเลือดขอดได้อีก
ข้อดี
ㆍไม่ต้องนอนรพ. ทำเสร็จสามารถกลับบ้านได้
ㆍไม่จำเป็นต้องใช้ยาระงับความรู้สึก
ข้อบ่งชี้ในการรักษา
- เป็นเส้นเลือดขอดที่มีขนาดอยู่ ระหว่าง 1-3 มิลลิเมตร
- เป็นเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็กมากๆ ประมาณ 0.5 มิลลิเมตร
- เป็นเส้นเลือดขอดเดี่ยว ๆ
- เป็นเส้นเลือดขอดบริเวณใต้เข่า
ข้อห้ามในการรักษา
- การมีประวัติการแพ้สารที่ใช้ฉีด
- มีเส้นเลือดอักเสบ
- เส้นเลือดขอดมีขนาดใหญ่ร่วมกับปัญหาเส้นเลือดดำส่วนลึก
ภาวะแทรกซ้อน
- อาการปวดขณะที่ฉีดยา บางรายอาจมีอาการปวดแสบร้อน
- มีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีดยา
- มีเลือดออก หรือมีรอยจ้ำเขียวจากการมีเลือดออกใต้ผิวหนัง ซึ่งจะหายไปได้เอง
- อาจเกิดรอยคล้ำตามแนวเส้นเลือดที่ฉีด ซึ่งจะค่อยๆจางหายไปได้เอง
- อาจเกิดอาการแพ้ยาที่ฉีด
- ในกรณีที่ฉีดยาไม่เข้าเส้นเลือดอาจเป็นเหตุทำให้ผิวหนังมีสีเข้มขึ้นหรืออาจเกิดแผลบริเวณผิวหนังได้
- อาจเกิดเส้นเลือดอักเสบได้
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการผ่าตัด
- Ambulatory Phlebectomy
- Varicose vein stripping เป็นการผ่าตัดดึงเอาเส้นเลือดที่ขอดออกไป ตลอดทั้งเส้นเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก วิธีนี้จะเหมาะสำหรับการรักษาเส้นเลือดขอดที่มีขนาด ใหญ่และมีขนาดยาวมากๆ และไม่สามารถรักษาได้ด้วยการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำที่ขอดได้
ㆍการรักษาด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อเตรียมการผ่าตัดโดยวิสัญญีแพทย์จะใช้วิธีระงับอาการปวดในขณะทำการผ่าตัดโดยการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังหรือให้ดมยาสลบ
ㆍหลังการผ่าตัดในช่วง 3-4 วันแรกควรนอนพักให้มาก ยกเท้าให้สูง และใส่ถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอดไว้ประมาณ 4-6 สัปดาห์
ข้อบ่งชี้ของการผ่าตัด
ㆍ เส้นเลือดขอดมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-6 มิลลิเมตร
ㆍ ผู้ป่วยมีอาการปวดขาและมีลิ้นในเส้นเลือดดำผิดปกติ
ㆍ มีเส้นเลือดขอด ที่เกิดปัญหาแทรกซ้อน เช่น มีเลือดออก มีแผลเรื้อรัง หรือมีการอักเสบของเส้นเลือดขอด
ผลข้างเคียง
ㆍผลข้างเคียงจากการดมยาสลบ
ㆍเลือดออกจากการผ่าตัด
ㆍระหว่างการผ่าตัดอาจจะมีการทำให้เนื้อเยื่อข้างเคียงเสียหาย (เช่น เส้นเลือดแดง เส้นประสาท)
ㆍแผลผ่าตัดเกิดการอักเสบติดเชื้อ
ㆍมีจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง
ㆍการเกิดลิ่มเลือดใน เส้นเลือดดำซึ่งพบได้ไม่บ่อย
ㆍการเกิดแผลเป็นให้เห็นได้หลังการผ่าตัด
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยเลเซอร์
- ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการรักษาที่ ไม่ทำให้เกิดบาดแผลและไม่มีแผลเป็น สามารถรักษาเส้นเลือดขอดได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว เหมาะสำหรับเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็กกว่า 3 มิลลิเมตร และผู้ป่วยที่กลัวการฉีดยาหรือ การผ่าตัดㆍในขณะที่ทำผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (เหมือนมียางมาดีดที่ผิวหนัง) จึงไม่ต้องใช้ ยาชาเฉพาะที่ แต่ถ้าทนไม่ได้ก็อาจทายาก่อนการรักษาประมาณ 1 ชั่วโมง
ㆍ ทันทีหลังการรักษาผิวหนังบริเวณที่ทำ จะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งมักจะหายไป ได้เองภายใน 24 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 2-3 วัน แต่ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดรอยช้ำหรือผิวหนังไหม้พองได้โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีผิวคล้ำ
การรักษาด้วยเลเซอร์แบบพิเศษที่มีช่วงคลื่นต่ำ (Low level laser therapy)
ㆍเป็นวิธีที่ช่วยบำบัด อาการเส้นเลือดขอดโดยการลดอาการบวมน้ำจากการคั่งของเส้นเลือดดำ
ㆍข้อดีของการบำบัดด้วยวิธีนี้คือ ไม่ต้องฉีดยาชา ไม่ทำให้เกิดแผล ทำเสร็จแล้วสามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตประจำวันได้ อย่างปกติ สามารถรักษาได้ ทั้งเส้นเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอย แต่หลังทำเสร็จจะต้องใส่ถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอด ร่วมด้วยเหมือนการรักษาอื่นๆ
ยารับประทานบรรเทาอาการเส้นเลือดขอด
- การรับประทานยาในกลุ่ม ไดออสมิน (Diosmin) และเฮสเพอริดิน (Hesperidin) จะทำหน้าที่ยับยั้งกระบวนการอักเสบให้ลดลง และทำให้ลิ้นในเส้นเลือดกลับมาเป็นปกติได้ โดยเฉพาะในเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็กๆ ดังนั้น ถ้า รักษาตั้งแต่ระยะแรกยานี้ก็อาจช่วยรักษาให้หายได้
คำแนะนำในการดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคเส้นเลือดขอด
หลีกเลี้ยงการยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน ๆ
- ไม่นั่งไขว่ห้างหรือนั่งห้อยเท้าเป็นเวลานาน ๆ
- พยายามนั่งหรือนอนยกเท้าให้สูงกว่าระดับหน้าอกเพื่อช่วยให้เลือดไหลกลับสู่หัวใจได้ดีขึ้น
- ให้บริหารข้อเท้าตามเข็มและทวนเข็มนาฬิกาสลับกัน และเหยียดเท้า และกระดกเท้าสลับกันไป
- ใส่ถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอด (Compression stocking) หรือใช้ผ้าพันแผลชนิดยืด (Elastic bandage) พันรอบขาจากปลายเท้าขึ้นมาถึงใต้เข่าในระหว่างที่ต้องยืนทำงานเป็น เวลานาน ๆ ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น ไม่ใส่รองเท้าส้นสูง เลือกใส่รองเท้าส้นเตี้ยซึ่งจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดีกว่า รองเท้าส้นสูง
- ลดน้ำหนักอย่างเหมาะสมและถูกวิธี
- ควบคุมอาการท้องผูกให้ดี โดยการรับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น
- เคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถ้าหากไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์ เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อขา
- สำหรับในรายที่เป็นเส้นเลือดขอดในระยะแรก สามารถป้องกันได้ด้วยการใส่ถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอดหรือรัดเท้าด้วยผ้ายืดในขณะที่ยืนทำงานหรือในระหว่างที่มีการตั้งครรภ์
- หมั่นสังเกตภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อที่จะได้ไปพบแพทย์ได้ทันท่วงที เช่น แผลเรื้อรังที่บริเวณขา การอักเสบของเส้นเลือดขอด การมีเลือดออก ขาบวม ปวดขา เป็นต้น
- ไปพบแพทย์เมื่อมีอาการเส้นเลือดขอดโป้งพองมาก ผิวหนังแดง ร้อน และเจ็บ (แสดงว่า มีการอักเสบ), มีเลือดออกจากเส้นเลือดขอด, เกิดแผลและผื่นใกล้กับข้อเท้า, ผิวหนังบริเวณ ข้อเท้า หน้าแข้ง และน่องหนา และมีสีคล้ำ, อาการเส้นเลือดขอดรบกวนคุณภาพชีวิต, มีอาการปวดน่องมาก, ภาพที่ปรากฎดูน่าเกลียด หรือเมื่อมีความกังวลในอาการ
- ถ้ามีเลือดไหลจากเส้นเลือดขอด ให้นั่งหรือนอนยกเท้าให้สูงกว่าระดับหน้าอก และใช้ผ้า สะอาดกดแรงๆ ตรงรอยแผลที่มีเลือดออก เมื่อเลือดหยุดไหลแล้วให้ทำความสะอาดแผล แบบบาดแผลสดทั่ว ๆ ไป
การป้องกัน (Prevention)
- หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน 1 ให้เปลี่ยนเท้าที่ยืนบ่อย ๆ (หากต้องนั่งนานให้ลุกขึ้นเดินทุก ๆ 30 นาที หรือยกเท้าให้สูงทุกครั้งที่มีโอกาส)
- หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานาน
- ออกกำลังกายและเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ระบบไหลเวียนเลือดดี และลดการเกิดเส้นเลือดขอดได้
- ควบคุมน้ำหนักเพื่อไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
- ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น โดยฉพาะกางเกงที่ฟิตและรัดบริเวณขาหนีบและเอว
- ไม่ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดและสวมเครื่องป้องกันแสงแดด โดขเฉพาะบริเวณใบหน้าที่อาจทำให้เกิดเส้นเลือดฝอยได้
- ลดการรับประทานอาหารเค็มเพื่อป้องกันอาการบวม และรับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น
การรักษาเส้นเลือดขอดโดยใช้สารยึดติดทางการแพทย์ (Cyanoacrylate Glue)
เป็นการรักษาโดยการใช้สารยึดติดทางการแพทย์เพื่อปีดหลอดเลือดดำที่มีปัญหา
ㆍก่อนการรักษาแพทย์จะทำการ Ultrasound หลอดเลือดเพื่อระบุตำแหน่งเส้นเลือดที่มีความผิดปกติ
ㆍโดยหลังการรักษาอาการเส้นเลือดขอดจะดีขึ้น
ㆍผู้ป่วยไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ㆍเส้นเลือดขอดจะหายไปภายใน 1 เดือน
ปรึกษาออนไลน์ |
นัดหมายรับบริการ |
สนใจแพคเกจ |