โรคกระเพาะอาหารอักเสบ....ปล่อยไว้ไม่รักษาอาจรุนแรง
หน้าแรก
»
ความรู้สุขภาพและบทความแพทย์
» โรคกระเพาะอาหารอักเสบ....ปล่อยไว้ไม่รักษาอาจรุนแรง
โรคกระเพาะอาหารอักเสบ....ปล่อยไว้ไม่รักษาอาจรุนแรง
- เป็นโรคที่พบบ่อยมากขึ้นในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มักจะมีอาการปวดท้องจุกแสบ
หรือแน่นบริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือช่องท้องสวนบนเหนือสะดือ
- เกิดได้จากหลายสาเหตุ หากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้มีอาการเรื้อรัง
ได้
- หากมีอาการเรื้อรัง อาจมีสาเหตุร้ายแรงแอบแฝงอยู่ อาทิเช่น แผลในกระเพาะ
อาหาร หรือ มะเร็งกระเพาะอาหาร
- อาการเตือนที่บ่งบอกว่าควรรีบปรึกษาแพทย์ ได้แก่
-อาการปวดท้องในคนที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
-อาการที่บ่งบอกว่ามีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร (อาเจียนมีเลือดปน.
-ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน หรือถ่ายอุจจาระมีสีดำ)
-น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
-อาเจียนบ่อยๆ
-ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยายับยั้งการหลั่งกรดเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์
-มีประวัติมะเร็งกระเพาะอาหารในครอบครัว
- การส่องกล้องกระเพาะอาหาร สามารถตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุ เพื่อการรักษา
ที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาทำไม่นาน ผลข้างเคียงน้อย
อาการของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
- ปวดท้องแบบจุกแสบ หรือ จุกแน่นอึดท้อง ที่บริเวณลิ้นปี อาการมักสัมพันธ์กับมื้อ
อาหาร อาจมีอาการก่อนหรือหลังรับประทานอาหารก็ได้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ทานอาหารได้ปริมาณน้อยกว่าเดิม น้ำหนักลด
- อาเจียนเป็นเลือด (ในรายที่อาการรุนแรง)
สาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
- รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
- ชอบทานอาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด
- ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่
- การทานยาบางประเภท เช่น แอสไพริน ยาแก้ปวดบางชนิด
- การติดเชื้อแบคที่เรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร ( Helicobacter pylori )
- ความเครียด วิตกกังวล
การรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดท้อง เช่น อาหารที่มีรส
เผ็ด หรือเปรี้ยวจัด แอลกอฮอล์ ซา กาแฟ น้ำอัดลม
- รับประทานอาหารสุกสะอาด อาหารอ่อน ย่อยง่าย รับประทานปริมาณน้อยๆพอ
อิ่ม แต่ทานบ่อยมื้อ ไม่ควรทานจนอิ่มมากในแต่ละมื้อ
- รับประทานอาหารตรงเวลา
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- การใช้ยารักษา
- ส่วนใหญ่จะรักษาด้วยการให้ ยายับยั้งการหลั่งกรด และรักษาตามสาเหตุที่
ก่อให้เกิดอาการในผู้ป่วยแต่ละราย
- แนะนำพบแพทย์ตรวจเพิ่มเติมเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและแนวทางการรักษาที่
ถูกต้อง