Q : ต้อกระจก เกิดขึ้นได้อย่างไร?
A : เกิดจากเลนส์แก้วตามีความขุ่นมัวเมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งพบได้ทั่วไปในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ต้อกระจก ทำให้การมองเห็นแย่ลง ผู้ที่มีอาการของต้อกระจกมักจะมองเห็นไม่ชัดเจนเหมือนปกติ บางครั้งมองเห็นชัดเจนกว่าในที่มีแสงน้อย เนื่องจากอาการของต้อกระจกส่วนใหญ่เลนส์แก้วตาจะเริ่มขุ่นมัวจากบริเวณส่วนกลางในที่มีแสงน้อย เมื่อม่านตาขยายแสงสามารถผ่านเข้ามาทางส่วนอื่นของเลนส์แก้วตาได้ ต้อกระจกสามารถเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้อีก เช่น ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ไฟดูดหรือการติดเชื้อเรื้อรังที่ดวงตา และการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ สามารถทำให้เกิด “ต้อกระจก” ได้ด้วย
Q : อาการต้อกระจกมีอะไรบ้าง?
A : - มองไม่ชัด เป็นอาการเด่นของต้อกระจก คือตาค่อยๆมัวลงอย่างช้าๆโดยไม่มีอาการอื่น อาการตามัวจะเป็นมากขึ้นเมื่ออยู่ในที่มีแสงสว่างจ้า เช่น เมื่อออกแดด แต่กลับมองเห็นเกือบเป็นปกติในที่มืดสลัวหรือเวลาพลบค่ำ
- เห็นภาพซ้อน แม้ว่าจะมองด้วยตาข้างเดียว เนื่องจากการหักเหของแสงไม่ลงที่จอประสาทตา
เห็นวงรอบแสงไฟ
- อ่านหนังสือต้องใช้แสงจ้า
- ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย
- เห็นฝ้าขาว บริเวณกลางรูม่านตาในผู้ที่ต้อกระจกสุก
Q : ปัจจัยเสี่ยงโรคต้อกระจกมีอะไรบ้าง?
A : - อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
- โรคเบาหวาน
- ประวัติครอบครัวเป็นต้อกระจก
- เคยได้รับอุบัติเหตุที่ตา
- การใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์
- ติดสุรา
- เจอแสงแดดมาก
- ต้องสัมผัสรังสีปริมาณมาก
- สูบบุหรี่
- เด็กที่ขาดสารอาหาร
Q : รักษาต้อกระจกอย่างไรบ้าง?
A : การรักษาต้อกระจกทำได้โดยการผ่าตัด
วิธีการผ่าตัดทำได้ 2 วิธี
1. Phacoemulsication เป็นวิธีที่นิยมที่สุด โดยการเจาะรูเล็กๆแล้วใช้เครื่อง Ultrasound สลายเลนส์และดูดออกทีละนิดจนหมด วิธีนี้แผลจะเล็ก โดยส่วนใหญ่จะไม่ต้องเย็บแผล
2. Extracapsular Cataract Extraction การผ่าตัดเป็นแผลกว้าง โดยนำเอาเลนส์ที่เสียออกทั้งชิ้น วิธีนี้แผลจะใหญ่ ต้องเย็บแผล
Q : ต้อเนื้อ คืออะไร?
A : เป็นโรคตาที่เกิดจากการระคายเคืองตา รังสีอัลตราไวโอเลต ฝุ่นและลม ทำให้มีอาการ โดยปกติจะมีน้ำตาหล่อลื่นตลอดเวลา แต่ถ้าถูกลมหรือแสงแดดบ่อยๆตาก็จะแห้งและเกิดการเสื่อมของเยื่อบุตาขาวได้
Q : ลักษณะอาการเนื้อ มีอะไรบ้าง?
A : เคืองตา คันตา ตาแดง แสบตา นำตาไหล ระคายเคือง ไม่สบายตาเป็นๆหายๆ ถ้าลุกลามเข้าตาดำมาก จะส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้มองเห็นไม่ชัด
Q : รักษา “ต้อเนื้อ” อย่างไรบ้าง?
A : ต้อเนื้ออาจลามเข้าไปถึงกลางตาดำและทำให้การมองเห็นพร่ามัว มองเห็นได้ไม่ชัด ซึ่งไม่สามารถใช้เครื่องสำอางปกปิดได้ โดยมีวิธีรักษา คือ
1. ใช้ยาหยอดตา ลดอาการระคายเคืองและการอักเสบ
2. ต้อเนื้อระยะแรก ต้อเนื้องอกเข้าไปในตาดำไม่ถึง 1 ใน 3 ของความกว้างตาดำ แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยสวมแว่นที่มีเลนส์ป้องกันรังสี UV และยังช่วยป้องกันลม โดยใช้ร่วมกับยาหยอดตาเพื่อควบคุมการอักเสบของต้อเนื้อ
3. ต้อเนื้องอกลุกลาม เข้าไปในตาดำเกิน 1 ใน 3 ของความกว้างของกระจกตาดำ ควรทำการผ่าตัด4. ลอกต้อเนื้อออกก่อนที่จะเข้าสู่กลางตาดำ ไม่ควรปล่อยจนต้อเนื้องอกถึงกลางตาดำ เพราะถึงจะลอกออกแล้วก็มักจะเกิดแผลเป็น ทำให้กระจกตาขุ่นมัวและการมองเห็นไม่ชัดเจนเหมือนเดิม
4. การผ่าตัดลอกต้อเนื้อ เป็นการผ่าตัดที่สะดวกไม่ยุ่งยาก แพทย์จะใช้การฉีดยาชาเฉพาะที่และใช้เวลาในการทำประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเสร็จแล้วผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ทันทีโดยไม่ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล
Q : การป้องกันโรคต้อเนื้อ ทำอย่างไรบ้าง?
A : สวมแว่นเพื่อป้องกันแสงแดด ฝุ่น ลม ควัน
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์
- ลดการสูบบุหรี่
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ควรพักสายตาในขณะที่ทำงาน ด้วยการหลับตาและมองไกลประมาณ 2-3 นาทีทุกครึ่งชั่วโมง จะทำให้สบายตาขึ้น
Q : “ต้อหิน” คืออะไร
A : “ต้อหิน” เป็นกลุ่มโรคที่มีความเสื่อมของขั้วประสาทตาอย่างต่อเนื่อง โดยระยะเริ่มต้น จะส่งผลให้การมองเห็นในส่วนของลานสายตาเสียไป คือแคบลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายการมองเห็นในส่วนของความคมชัดของสายตาลดลงจน มองไม่เห็นในที่สุด
Q : กลุ่มเสี่ยงโรคต้อหินมีใครบ้าง?
A : - อายุมากกว่า 40 ปี
- มีญาติสายตรงเป็นต้อหิน
- ความดันลูกตาสูง
- สายตาสั้น หรือยาวมากๆ
- เคยมีอุบัติเหตุที่ดวงตามาก่อน เช่น โดนชก ลูกบอลอัดตา ยางรัดตา หรือ อุบัติเหตุจราจรที่มีใบหน้าบริเวณเบ้าตาโดนกระแทก เป็นต้น
- ใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์
- สาเหตุอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
Q : การรักษาต้อหินด้วยเลเซอร์ มีกี่แบบ?
A : 1. เครื่องเลเซอร์ชนิด YAG Laser รักษาต้อหินโดยสามารถใช้ทำ Iridotomy (รูเปิดขนาดเล็กที่ม่านตา) เพื่อช่วยในการป้องกันและรักษาต้อหินแบบมุมปิด โดยใช้เลเซอร์ยิงเพื่อให้น้ำในลูกตาระบายได้ดีขึ้น (Yag laser peripheral iridotomy) และสำหรับหลังการผ่าตัดต้อกระจกคือเลเซอร์ขัดเยื่อหุ้มเลนส์ในผู้ป่วยถุงหุ้มเลนส์ขุ่นซึ่งทำเสร็จก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ (Yag laser capsulotomy)
2 .เครื่องเลเซอร์ชนิด Argon laser เพื่อรักษาโรคต่างๆทางจอประสาทตาและต้อหินเช่น เบาหวานขึ้นจอประสาทตา รอยฉีกขาดที่จอประสาทตา จอประสาทตาบวม