การปฏิบัติตนของผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์ที่ได้รับการรักษาด้วยสารรังสีไอโอดีน (I-131)
หน้าแรก
»
ความรู้สุขภาพและบทความแพทย์
» การปฏิบัติตนของผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์ที่ได้รับการรักษาด้วยสารรังสีไอโอดีน (I-131)
การปฏิบัติตนของผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์ที่ได้รับการรักษาด้วยสารรังสีไอโอดีน (I-131)
หลังจากผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์ได้รับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์แล้ว การรักษาขั้นตอนต่อไป คือ การรักษาด้วยสารรังสีไอโอดีน (I-131) ด้วยวิธีการรับประทาน
ระยะเวลาในการรักษาตัวในโรงพยาบาล
การรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยการรับประทานสารรังสีไอโอดีนขนาดสูง ผู้ป่วยต้องอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 3-7 วัน หรือจนกว่ารังสีจะถูกขับออกจากร่างกายอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แพทย์จึงให้กลับบ้านได้
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
- เตรียมของใช้ประจำวัน เช่น สบู่ แป้ง ยาสีฟัน แปรงสีฟัน หนังสืออ่านเล่น มือถือ วิทยุ
- เตรียมลูกอมรสเปรี้ยว เช่น บ๊วย เพื่อเพิ่มการขับน้ำลาย ลดการอักเสบของต่อมน้ำลายจากสารรังสีไอโอดีน
- ช่วงระยะเวลาก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลงดอาหารที่มีไอโอดีนสูง เช่น เกลือเสริมไอโอดีน,อาหารทะเล ประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการรักษา
- หากมีโรคประจำตัวควรบอกแพทย์ และนำยาที่รับประทานประจำมาด้วย
การปฏิบัติตนขณะรับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยสารรังสีไอโอดีน
- หลังรับประทานสารรังสีไอโอดีนแล้ว 1 ชั่วโมง ให้ดื่มน้ำปริมาณมาก ประมาณ 8 แก้วต่อวัน (ยกเว้นกรณีมีโรคประจำตัวที่ต้องจำกัดปริมาณน้ำ) และปัสสาวะบ่อยๆเพื่อขับสารรังสีไอโอดีนให้ออกจากร่างกายโดยเร็ว
- เมื่อครบ 24 ชั่วโมงหลังรับประทานสารรังสีไอโอดีน ให้อมวิตามินชี (50มก.) หรือ ลูกอมรสเปรี้ยว ทุก 2ชั่วโมง (ยกเว้นเวลาหลับไม่ต้องอม) เนื่องจากสารรังสีจะถูกขับออกมากับน้ำลาย ถ้าน้ำลายค้างอยู่ในต่อมน้ำลายนานจะทำให้เกิดต่อมน้ำลายอักเสบ ความเปรี้ยวจะช่วยขับน้ำลายออกจากต่อมน้ำลายทำให้ลดปริมาณรังสีที่ต่อมน้ำลายจะได้รับ
- รับประทานอาหารได้ตามปกติ งดเฉพาะอาหารทะเลหรืออาหารที่มีไอโอดีนผสมอยู่
- ในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ ควรแบ่งอาหารให้มีปริมาณพอดีที่จะรับประทานได้หมด ไม่ควรให้อาหารเหลือ เนื่องจากอาหารที่เหลือจะปนเปื้อนน้ำลายที่มีรังสี กลายเป็นขยะรังสีที่กำจัดได้ยาก และบุคคลอื่นอาจได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น
- หากต้องการรับประทานผลไม้ ควรเป็นผลไม้ที่สามารถรับประทานได้หมดทั้งผล ไม่ควรมีการคายกากหรือเมล็ดออกมา ด้วยเหตุผลเดียวกับข้อ 4
- การขับถ่ายควรขับถ่ายลงส้วมทุกครั้ง ไม่ควรปัสสาวะลงบนพื้นห้องน้ำ หลังจากขับถ่ายควรราดน้ำมากๆ กดชักโครก 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นล้างมือด้วยสบู่และน้ำมากๆ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารรังสีไอโอดีน
- เสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ให้บ้วนทิ้งลงอ่างล้างหน้าหรือชักโครก แล้วกดน้ำล้างทันที
- ควรอาบน้ำและสระผมบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อลดปริมาณสารรังสีไอโอดีนที่ขับออกมาทางเหงื่อ
- ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และหญิงมีครรภ์เข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด
- ไม่อนุญาตให้ญาติเฝ้า แต่สามารถเข้าเยี่ยมได้ครั้งละไม่เกิน 15 นาที (หรือตามที่แจ้งไว้ที่ประตูห้อง) โดยยืนหลังฉากตะกั่วที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อป้องกันการได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ควรแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบทันที
การปฏิบัติตนเมื่อกลับบ้านหลังจากได้รับการรักษาด้วยสารรังสีไอโอดีน
- แม้แพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่ตัวผู้ป่วยเองจะยังคงมีสารรังสีอยู่ในร่างกายจำนวนหนึ่ง โดยปริมาณรังสีจะลดลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป แม้ปริมาณรังสีดังกล่าวจะไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่เพื่อไม่ให้บุคคลรอบข้างได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น ควรปฏิบัติตนดังนี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์
1.1 ดื่มน้ำมากๆ และปัสสาวะบ่อยๆ เพื่อขับสารรังสีไอโอดีนที่ยังหลงเหลืออยู่ให้ออกจากร่างกายโดยเร็ว
1.2 หลังจากใช้ห้องน้ำให้ราดน้ำมากๆ หรือกดชักโครก 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นล้างมือด้วยสบู่และน้ำมากๆ
1.3 สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ไม่ควรอยู่ใกล้ชิดเด็กหรือคนท้องเป็นระยะเวลานานๆ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลดังกล่าวได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น
1.4 ควรแยกนอนคนเดียว หรือนอนให้ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร
1.5 แยกภาชนะใส่อาหารหรือใช้ช้อนกลางเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารรังสีไอโอดีนในน้ำลาย
1.6 แยกซักเสื้อผ้า เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารรังสีที่ขับออกทางเหงื่อ
- ข้อปฏิบัติอื่นๆ หลังการรักษา
2.1 รับประทานยาไทรอยด์ฮอร์โมน ตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ โดยเริ่มรับประทานยาตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล
2.2 งดเว้นการตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด จนกว่าโรคของท่านจะอยู่ระยะที่ปลอดภัยแล้ว หากต้องการตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
2.3 มาพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
2.4 เพื่อมิให้เสียเวลาโดยไม่จำเป็น หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ใกล้บ้านก่อน หากแพทย์สงสัยว่าอาการผิดปกติเกี่ยวข้องกับโรคของต่อมไทรอยด์ที่ท่านเป็นอยู่
ข้อมูลโดย: สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิหยาลัย
|
|
|
ปรึกษาออนไลน์
|
นัดหมายรับบริการ
|
สนใจแพคเกจ
|