ปัจจุบันโรคหัวใจคร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับต้นๆ และผู้ป่วยมีแนวโน้มมีอายุเฉลี่ยน้อยลง แม้แต่นักกีฬาที่ถือว่าเป็นบุคคลที่แข็งแรงก็ยังเคยได้ยินข่าวอยู่บ่อยๆ ว่ามีการเสียชีวิตระหว่างแข่งขัน หรือฝึกซ้อม จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นโรคที่มากับความเงียบ (Silent disease) เกิดขึ้นเมื่อไรมักมีอันตรายจนอาจถึงแก่ชีวิตโดยฉับพลันได้ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากหลอดเลือดแดงโรนารีย์มีการเสื่อมสภาพ หรือบาดเจ็บ จนเกิดไขมันและแคลเซียม (Atheromatous plaques) มาเกาะที่ผนังในบริเวณนั้นๆ ทำให้หลอดเลือดการตีบเกิดขึ้น โรคนี้พบได้บ่อยใสผู้ป่วย โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมถึงผู้ที่มีความเคลียดและสูบบุหรีจัด เป็นต้น
เครื่องมือที่สามารถตรวจคัดกรองปัจจัยเสี่ยงข้างต้น คือ CTA Coronary Artery ซึ่งย่อมาจาก Coronary Computed Tomographic Angiography
การฉีดสีเพื่อตรวจหลอดเลือดหัวใจ โดยใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง เป็นการตรวจเพื่อค้นหาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยสามารถบอกระดับความรุนแรง ของการตีบของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ หรือใช้ติดตามผลการรักษา ในรายที่เคยมีประวัติผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจมาก่อน รวมถึงการหาความผิดปกติแต่กำเนิดของหลอดเลือดหัวใจ โดยในปัจจุบันเป็นการตรวจคัดกรองในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง การเตรียมผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ก่อนทำการผ่าตัดหรือทำหัตถการใหญ่ๆ
1. ผู้ป่วยต้องได้รับการควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจไม่เกิน 65 ครั้งต่อนาที ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของอายุรแพทย์โรคหัวใจ กรณีที่อัตราการเต้นของหัวใจเกิน 65 ครั้งต่อนาที อาจจำเป็นต้องได้รับยาก่อนทำการตรวจ
2. งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนตรวจ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ในกรณีเกิดการแพ้สารทึบรังสี และต้องมีผลค่าการทำงานของไตทุกครั้ง เนื่องจากสารทึบรังสีที่ใช้จะถูกขับออกทางปัสสาวะ
3. ผู้ป่วยต้องสามารถกลั้นหายใจขณะทำการสแกนประมาณ 10 วินาที
4. กรณีค่า Calcium score เกิน 400 รังสีแพทย์และแพทย์โรคหัวใจจะพิจารณาว่า ควรทำการตรวจเพื่อหารอยโรคอื่นที่แพทย์สงสัยเพิ่มเติมหรือไม่