ศูนย์กุมารเวช

 หน้าแรก
» คลินิกและศูนย์เฉพาะทาง » ศูนย์กุมารเวช  แบ่งปันไปยัง facebook

นพ.เจริญ เดโชธนวัฒน์

กุมารเวชศาสตร์

พญ.อัญมณี เชื้อเหล่าวานิช

กุมารเวชศาสตร์
อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด

พญ.ปิยนุช ธนชยานนท์

กุมารเวชศาสตร์
อนุสาขากุมารเวชศาสตร์พัฒนาการและพฤติกรรม

นพ.ชานน สุเทพารักษ์

กุมารเวชศาสตร์
อนุสาขากุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ

นพ.วรุตม์ ทองใบ

กุมารเวชศาสตร์
อนุสาขากุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน

Q : การป้องกันไข้หวัดใหญ่ทำอย่างไรบ้าง?

 A : - ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกัน เพราะวิธีนี้สามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทั้งสายพันธุ์เอและบี ซึ่งในการฉีดครั้งแรกของชีวิต (หากอายุน้อยกว่า 9 ปี ต้องฉีด 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน จากนั้นกระตุ้นทุกปี ปีละ 1 ครั้ง แนะนำก่อนเปิดเทอมใหญ่หรือก่อนเข้าฤดูฝน)
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพราะเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่นั้นสามารถติดต่อกันได้ง่ายมาก
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด หรือมีคนเยอะ
- ล้างมือให้บ่อยครั้งขึ้นและควรล้างมือให้สะอาด
- ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บีควรใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการจามหรือไอรดผู้อื่น

Q : โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี มีอาการอย่างไร?

 A : - ผู้ป่วยจะมีไข้สูง 38 - 40 องศาเซลเซียส
- ปวดเมื่อยตามตัว
- คัดจมูก มีน้ำมูก เจ็บคอและไอ(อาจมีหรือไม่มีอาการนี้ก็ได้)
- หากมีภาวะแทรกซ้อนก็จะเกิดภาวะปอดอักเสบและอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉลี่ยระยะเวลาป่วยประมาณ 6-7 วัน

Q : โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี ติดต่อได้อย่างไร?

 A : สามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสสารคัดคลั่ง อาทิ น้ำมูก เสมหะ การไอจามรดกัน อาการป่วยจะเป็นแบบเฉียบพลัน

Q : กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อไข้หวัดใหญ่เป็นพิเศษคือใครบ้าง?

 A : - ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง
- โรคหอบหืด
- โรคหัวใจ
- โรคภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี
- ผู้สูงอายุ
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกายเยอะหรือโรคอ้วน เป็นต้น

Q : ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี แพร่ระบาดอย่างไร?

 A : โรคไข้หวัดใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งปี แต่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บีครั้งนี้เป็นไข้หวัดตามฤดูกาล โดยส่วนมากจะระบาดในช่วงฤดูหนาว เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะเจริญเติบโตได้ดีในอากาศเย็น ซึ่งพบมากที่สุดช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม และฤดูฝน คือ ช่วงเดือนสิงหาคม และสามารถพบได้ทุกช่วงวัย

Q : ไข้หวัดใหญ่มีกี่สายพันธุ์

 A : - ไข้หวัดใหญ่แบ่งออกเป็นสายพันธุ์ใหญ่ ๆ 3 สายพันธุ์ คือ เอ บี และซี ซึ่งสายพันธุ์ซี มีความรุนแรงน้อยที่สุด สำหรับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอและบี เป็นสายพันธุ์ที่พบได้ทั่วโลก แต่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอมักจะรุนแรงมากกว่า

Q : มีการดูแลรักษาโรคภูมิแพ้ในเด็กอย่างไรบ้าง?

 A : - หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่(ยกเว้นอาหารที่แพ้)
- การรักษาด้วยยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ

Q : อาการของโรคภูมิแพ้ในเด็กมีอะไรบ้าง?

 A : อาการของโรคภูมิแพ้เกิดได้หลายระบบ ดังนี้
- ระบบผิวหนัง
ผิวหนังแห้ง ผื่นคัน ผื่นลมพิษเป็นๆหายๆ
- ระบบทางเดินหายใจ
เป็นหวัดบ่อยหรือมีอาการเป็นบางเวลา เป็นหวัดเรื้อรังหรือเป็นไซนัสอักเสบ มีอาการไอบางเวลา เช่น อากาศเปลี่ยนแล้วไอ ไอเวลากลางคืน หากมีอาการรุนแรงอาจมีอาการของหอบหืดตามมา เช่น หายใจเร็วและแรง หายใจมีเสียง “วี๊ด” หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก เป็นต้น
- ระบบทางเดินอาหาร
ริมฝีปากบวม มีผื่นคันรอบปาก คลื่นไส้ อาเจียน แหวะนมบ่อยในเด็กทารก ท้องอืด ถ่ายเหลว

Q : โรคภูมิแพ้ในเด็กเกิดจากอะไรบ้าง?

 A : 1. การถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น ถ้าพ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกก็จะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้มากกว่าคนอื่นหลายเท่า
2. สิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น สัตว์เลี้ยง แมลงสาบ ควันบุหรี่ รวมถึงอาหารบางอย่างก็สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย เช่น อาหารทะเล นมวัว ไข่ แป้งสาลี ถั่วลิสง เป็นต้น
ชื่อ-นามสกุล**
อายุ**
เบอร์โทรศัพท์**
อีเมล
รายละเอียดการเจ็บป่วย / อาการที่ต้องการปรึกษาแพทย์ **
ประวัติการเจ็บป่วยและการรักษาทางการแพทย์ (ถ้ามี) :
วันที่สะดวกให้ติดต่อกลับ
เวลาที่สะดวก

 ช่วงเช้า  ช่วงบ่าย

โค้ด**
  
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ แสดงเนื้อหาและโฆษณาให้ตรงกับความสนใจ รวมถึงเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเว็บไซต์และทำความเข้าใจว่าผู้ใช้งานมาจากที่ใด
คุณสามารถอ่านและทำความเข้าใจได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัวและข้อกำหนดในการให้บริการ